แบ่งปัน:
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

การฝึกฝนตนเองเป็นของยาก

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
438 เข้าชม
กระทู้: 52
หัวข้อเริ่มต้น
(@ไม่ระบุชื่อ 2)
เข้าร่วม: 3 ปี ที่ผ่านมา

การฝึกฝนตนเองเป็นของยาก อาตมาเองก็เป็นลูกหลานสุนทรภู่เหมือนกัน สมัยก่อนถึงเวลามีอะไรก็คร่ำครวญเป็นโคลงเป็นกลอนระบายอารมณ์ ดีกว่าไปด่าชาวบ้านตั้งเยอะ..! เขียนกลอนท่อนหลังไว้ แล้วเกือบ ๒๐ ปีต่อมา ค่อยไปเขียนท่อนแรก..ตลกไหม ? เขียนท่อนหลังไว้ว่า

ของสิ่งใดการได้มาถ้าลำบาก..........ต้องทุกข์ยากมักมีค่ามหาศาล
ดุจเหล็กกล้าผ่านการทุบชุบเป็นนาน.....จึงตระการเป็นอาวุธสุดแหลมคม


ปลอบใจตัวเองว่าสู้ ๆ แล้วหลังจากนั้นเกือบ ๒๐ ปีให้หลัง ก็นึกได้ว่ายังไม่พอ ก็เลยเขียนท่อนแรกเพิ่มเข้าไป

อุปสรรคมากมีที่ขัดขวาง...........ต้องถากถางบุกบั่นไม่หวั่นไหว
ถึงทุกข์ยากลำบากสักเพียงใด..........ย่อมฝ่าฟันพ้นไปได้สักวัน

ของสิ่งใดการได้มาถ้าลำบาก.................ต้องทุกข์ยากมักมีค่ามหาศาล
ดุจเหล็กกล้าผ่านการทุบชุบเป็นนาน............จึงประการเป็นอาวุธสุดแหลมคม


สรุปง่าย ๆ ว่าไม่มีอะไรหรอกที่ทำแล้วจะได้เดี๋ยวนั้น พวกเราส่วนใหญ่ฝันให้ไกลแต่ไปไม่ถึง เพราะว่าขาดความเพียร ขาดความอดทน

โดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง หลายคนเห็นว่าหลวงพ่อเล็กโคตรขยันเลย ขอยืนยันว่าขยันที่โยมเห็นนี่ อาตมาโดนพ่อแม่ตีตูดลายมาเยอะต่อเยอะแล้วว่าขี้เกียจ..! แล้วไอ้เด็กขี้เกียจสุด ๆ ของยุคนั้นนั่นแหละ คือคนที่ในยุคนี้เขาบอกกันว่าโคตรขยันเลย..! เราจะเห็นว่าแต่ละยุค สมรรถนะของคนลดลงไปเรื่อย สมรรถนะคือความสามารถ ความสามารถจะลดลงไปเรื่อย ๆ

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าอยากเก่งก็ต้องขยัน โบราณเขาบอก "อยากสูงให้เขย่ง อยากเก่งต้องขยัน" อย่างพวกเราก็ขยันได้สามวัน บางคนก็วันเดียวแค่นั้นแหละ วันที่สองก็ไม่เอาแล้ว อยู่ใกล้หลวงพ่อขยันขึ้นมาหน่อย แต่พอหันหลังจากวัดไป สามชั่วโมงลืมหมดแล้ว..! กลับไปกิน ไปเที่ยวต่อ กลายเป็นลูกกิเลสตามเดิม ไม่ยอมเป็นลูกพระสักที..!

 
อาตมาก็อยากทำอย่างโยมทั้งหลาย แต่ทำไม่ได้ เพราะว่าโดนบังคับมา ตอนที่ตะเกียกตะกายจะลงมาเกิด วิ่งไปหาปู่ ย่า ตา ทวดให้ช่วยรับรองให้หน่อย คือถ้าไม่มีผู้ค้ำประกันเขาไม่ให้ลงมาเกิดนะ พวกชิงหมาเกิดนี่ต้องมีผู้ค้ำประกัน เพราะว่าเป็นคิวของหมาไม่ใช่คิวของเรา เราต้องชิงหมาเกิดให้ได้..!
 
โบราณบอกว่า "อยากเป็นหนี้ให้เป็นนายหน้า อยากเป็นขี้ข้าให้เป็นนายประกัน" ปู่ ย่า ตา ทวด ก็กลัวว่าจะต้องไปเป็นขี้ข้า เพราะว่าช่วยเป็นนายประกันของเรา ท่านไม่อยากจะประกันให้ ก็ต้องไปอ้อนวอน ทำสัญญาก็คือ "ลงไปเกิดแล้วต้องกลับไปให้ดีกว่าเดิมนะ" โห..ยาก พอ ๆ กับถ้าหากว่าเป็นธนินท์ เจียรวนนท์ ไปเกิดใหม่ต้องรวยกว่านั้นนะ..!
 
เขาบอกว่า "อันว่าชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน" ลองดูสักตั้ง ก็เลยไม่มีเวลาทำชั่ว ถ้าขืนเอาเวลาไปทำชั่วนี่ตายแน่ กลับไปไม่ได้ดีเท่าเดิม โดนเหยียบจมธรณีเด็ดขาดเลย..! ใครที่ชิงหมาเกิดแบบอาตมภาพนี่เข็ดทุกราย เพราะโดนบังคับว่ากลับไปต้องดีกว่าเดิม
 
เพราะฉะนั้น..ก็ไม่มีเวลาไปทำความชั่ว พยายามทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ตอนเป็นวัยรุ่นอยากลองดูดบุหรี่บ้าง เห็นรุ่นพี่ ๆ เขาเท่เหลือเกิน สมัยนั้นเขามีไฟแช็คยี่ห้อ Zippo จะมี Zippo เงิน Zippo ทอง ราคาแพงหรือไม่แพงให้ดูที่ก้นไฟแช็ค จะมีขีดอยู่ ยิ่งขีดมากยิ่งแพง อาตมภาพแอบขโมยบุหรี่พ่อไปลองสูบหนึ่งตัว อุตส่าห์มุดแอบไปสูบในพุ่มไม้เพราะว่ากลัวพ่อเห็น สูบไปได้ครึ่งตัวเท่านั้นแหละ ขมไปทั้งปาก น้ำลายยืดเลย..เมาบุหรี่..!
 
สมัยนั้นบุหรี่มีอยู่แค่ ๒ ยี่ห้อ ก็คือเกล็ดทองกับรวงข้าว ส่วนอย่างอื่นมาทีหลัง ต่อมามียี่ห้อพระจันทร์ สามิต กรุงทอง สายฝน สายฝนนี่คนบอกว่าเป็นบุหรี่ผู้หญิงชัด ๆ เพราะว่ารสชาติจืดชืดไม่เอาอ่าว ขนาดบุหรี่ผู้หญิงอาตมายังสู้ไม่ได้เลย เมาน้ำลายยืด เข็ด..ไม่แตะบุหรี่อีกเลย
 
เพื่อนเขาบอกว่า "ลูกผู้ชายต้องกินเหล้าสิวะ..!" ก็ลองดู สรุปก็คือแค่ได้กลิ่นก็หงายหลังตึงแล้ว เพราะว่าสมัยนั้นเป็นเหล้า ๔๐ ดีกรี ๔๕ ดีกรี ถ้าหากว่าต้มเองก็ ๖๐ - ๗๐ ดีกรี ประเภทจุดไฟลุกพรึ่บ..กินเข้าไปได้อย่างไรกันวะ ? แอลกอฮอล์เติมตะเกียงชัด ๆ..!
 
__________________เพื่อนยุต่อ "กินเบียร์ก็ได้ ไม่แรงหรอก" ลองบ้าตามเพื่อนดู เพื่อนเทมาให้หนึ่งแก้ว เขาบอกว่า "ต้องเทแบบนี้ เอียงแก้วรับ ถ้าเทไม่เป็น ได้ฟองครึ่งค่อนแก้ว กินเข้าไปท้องอืดตายห่..เลยมึง..!" เทมาให้แก้วเบ้อเร่อ ยกขึ้นไม่ทันจะกิน ดมเท่านั้นแหละ..วางเลย..!

เพราะว่าสมัยนั้นต้องถักแหถักอวนเอาไว้ใช้งาน ถ้าอยากจะให้ใช้งานได้นาน ๆ ก็ต้องเอาเปลือกไม้มาต้มแล้วก็ย้อม ด้ายจะได้ทน โดนน้ำแล้วไม่เปื่อย เปลือกไม้ต้มย้อมแหย้อมอวน ทิ้งคาเอาไว้ ๒ - ๓ วันก็บูดฟองฟอด กลิ่นเบียร์กับกลิ่นไม้บูดเหมือนกันเปี๊ยบเลย "มึงกินของเน่า ๆ แบบนี้เข้าไปได้อย่างไรวะ..?!"

อยากจะทำอะไร ทำไม่ได้สักอย่าง..สมน้ำหน้า..! ไม่ได้เจตนาจะบริสุทธิ์ผุดผ่องหรอกนะ แต่ว่าทำไม่ได้..!

ตอนเป็นทหารไปอยู่ชายแดน ปกติแล้วเขาก็ไปอยู่กันปีเดียว ปรากฏว่าอาตมภาพโดนไปปีกว่า เพราะว่าขึ้นไปหลังเหตุการณ์ที่โนนหมากมุ่นใหม่ ๆ เลย เขมรแดงของเฮง สัมรินที่มีทหารญวนสนับสนุนยุยง บุกเข้ามาตีไทยที่โนนหมากมุ่น ปะทะกันตายไป ๓๐๐ กว่าศพ..! อาตมภาพต้องขึ้นไปรับพื้นที่ต่อจากกรมทหารราบที่ ๑๑ ที่เขาเรียกว่า "ร.๑๑ รอ." ร. มาจากทหารราบระดับกรม ถ้าหากว่า ม. ก็กรมทหารม้า รอ. ก็ รักษาพระองค์

คราวนี้ก็เลยรบติดพัน ย้ายกำลังไม่ได้ เพราะว่าถ้าย้ายแล้วเขารุกเข้ามาพอดีก็บรรลัย กว่าจะเอาเขาออกได้ก็ไม่รู้อีกนานเท่าไร..? ติดอยู่หน้าชายแดนปีกว่า ทหารก็หนุ่มกับหนุ่มด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ อยู่ด้วยกันก็กลัดมัน อกจะระเบิด..! ถึงเวลาก็ขออนุญาตเจ้านายไปเที่ยวซ่อง..!

สมัยนั้นหยาบคายสิ้นดี ไม่มีผับ ไม่มีบาร์ ไม่มีเลานจ์ มีแต่ซ่อง เป็นที่รู้ ๆ กันว่าเขาเอาไว้ทำอะไร คราวนี้จะไปตามเวลาก็ไม่ได้ เพราะว่าทหารไปทีไปกันเป็นกองร้อย..! ถ้าไปตามเวลา ชาวบ้านก็ได้แตกตื่นกันหมด ไม่ต้องทำมาหากินกันแล้ว จึงต้องไปนอกเวลา

ออกจากกองร้อยไปประมาณบ่ายโมง เพื่อนก็ลากแขนขึ้นรถ "เฮ้ย..ไปด้วย กลัดมันแบบนี้เดี๋ยวอกแตกตายหรอกมึง..!" ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ไปกับเขาหน่อย ปรากฏว่าผู้หญิงทั้งหลายเหล่านั้น เวลาทำกินของเขาก็คือกลางคืน ตอนกลางวันแม่เจ้าประคุณก็ต้องนอน เหมือนพวกนกฮูก กว่าจะตื่นก็ราว ๆ ๕ - ๖ โมงเย็น อาบน้ำอาบท่า แต่งเนื้อแต่งตัว จนสวยเช้งวับ แล้วไปนั่งตู้ เข้าแสงไฟก็สวยเชียว

 
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมสัปดาห์วันแม่
ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)

แบ่งปัน: