ถาม : ส่วนตัวพระอาจารย์ทำไมถึงหันมาในศาสนาเต็มที่ขนาดนี้ครับ

พระอาจารย์สิริปัญโญ : เพราะว่าผมเห็นโทษ เห็นว่ากามมันจำกัด และก็เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผมตอนเป็นวัยรุ่น เรื่องภาวะโลกจะต้องเจอวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ข้อมูลที่เพิ่งออกมาใหม่ ปัญหาที่ว่ามีร้อนมีน้ำท่วมอะไรเป็นของเก่ามีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าโดนปกปิด

ส่วนอาตมาสิ่งที่เกิดในชีวิตของอาตมาก็ พ่อแม่หย่ากัน ก็เลยเห็นตั้งแต่เด็กว่าแบบนี้ก็ไม่แน่นอน จึงคิดว่าต่อไปจะมีความอบอุ่น ความรักในชีวิต มีภรรยาเดี๋ยวมีลูก ทุกคนก็ Happy เรารู้ตั้งแต่เด็กว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ตามความเป็นจริงมันไม่ใช่

แล้วก็ดูวัตถุ ด้วยการอยู่ใกล้ๆกับคนมีวัตถุเยอะ มีเงินเยอะ แต่ไม่เห็นคนที่จะดีสักคนหนึ่ง พูดตรงๆนะ คนระดับสูงแค่เอาศีล 5 เป็นหลักแทบจะไม่มี ก็เลยเมื่อเรามีโอกาสมาบวชเรียนตอนอายุ 18 แล้วก็โชคดี ช่วงนั้นได้มาบวชที่วัดป่าสาละวัน หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นพระอุปัชฌาย์ เขาส่งให้ไปศึกษาที่วัดป่านานาชาติ

อย่างที่ผมพูดแรกๆอย่างน้อยขอให้มีพระวินัยกับกิจวัตร 14 เพราะว่าอันนั้นเป็นสิ่งที่ปรากฏภายนอก จะเห็นได้ เห็นได้ชัด ภายในยังไม่รับรอง ยังพิสูจน์ไม่ได้ อารมณ์อะไรแปลกๆหลายอย่าง แต่อย่างน้อยมีการควบคุมภายนอก โดยกายและวาจาก็เลยเห็นแบบนี้แล้ว แค่นี้เรามีความรู้สึกสบาย เรารู้ว่าเราอยู่กับคนที่เราไปได้ถูกทาง

พออยู่ในวัดนี้ไม่นาน ก็เริ่มจะฟังเทศน์ฟังธรรม ก็มีอาจารย์ ชยสาโร ซึ่งมีความสามารถในการอธิบายธรรมะให้คนฟัง ท่านเป็นคนอังกฤษผมก็เป็นคนอังกฤษ มีความรู้สึกว่าพี่คนนี้เขาเป็นอาจารย์ได้ เขามีปัญญาขนาดนี้ได้ ก็อยู่ 10 กว่าปีได้ ก็เราเคารพศรัทธาท่าน

แต่ในขณะเดียวกันเราคิดว่า ถ้าท่านทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ ใช่ไหม? ก็ท่านดีกว่า เก่งกว่าทุกคนที่เราเคยเห็นมาก่อน ไม่มีใครเทียบกับท่านได้ แล้วก็รู้จักกับครูบาอาจารย์องค์อื่น ก็เลยมีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้อง มันเป็นรสชาติอธิบายไม่ถูก เออ..ที่นี่ใช่ ข้างนอกไม่ใช่ ตอนนั้นผมก็ยังอายุน้อยก็เลยสึกไป ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย

แต่ไม่ลืมบรรยากาศที่นี่ ไม่ลืมรสชาติที่นี่ พอเรียนจบแล้วทำงานสักพักหนึ่งมีความรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้ว อย่างน้อยก็มาชั่วคราวเพื่อมาศึกษาต่อ ทำให้ธรรมะหรือศีลธรรมมั่นคงหน่อย พอที่จะสู้ในชีวิต พออยู่ไม่นานมีความรู้สึกว่า จริงๆไม่ต้องเอาธรรมวินัยเพื่อใช้ในชีวิตฆราวาส เอาทำวินัยใช้ในเพศพรหมจรรย์ดีกว่า เพราะว่าดูแล้วมันไม่มีประโยชน์อย่างอื่น ก็เลยโชคดี

พูดง่ายๆผมอาศัยกัลยาณมิตร เพื่อนที่จะเป็นแรงบันดาลใจ ที่จะอยู่ไปเรื่อยๆได้ แล้วอาจจะเป็นโชคดีที่ว่า เห็นว่าวัตถุมันจำกัด จะรวยแค่ไหนก็ไม่มีความสุข จะประสบความสำเร็จแค่ไหนมีแต่ปัญหาเพิ่มขึ้นๆ ความเครียด ความฟุ้งซ่าน และก็คนที่เราต้องเกี่ยวข้อง ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องศีลเลย ก็เลยไม่น่าเข้าไปใกล้

พูดง่ายๆ หนี หนีเข้าบวชหนีเข้าวัดปลอดภัยกว่า บางคนว่าพระนี่หนีในโลกนี้จากความเป็นจริง เพราะว่าโลกนี้มีภัยอันตราย มีไฟ แต่จะว่าหนีจากความเป็นจริงผมว่าไม่ใช่ มาหันหน้าจากความเป็นจริง ก็ดูตามความเป็นจริงว่าตัวเองมีอะไรบ้าง ก็เลยหนีของปลอม มาแสวงหาของจริง

แล้วจะไปให้ทุกคนเห็นด้วยก็ไม่ได้ คนที่เข้าใจก็โดยส่วนมากคนจะสนับสนุน แต่บางคนจะมองพระว่าเป็นคนไม่ทำงาน ไม่ช่วยสังคม อยู่ในโลกส่วนตัวก็แล้วแต่เขา ช่างมัน เราไม่ต้องไปพยายามพิสูจน์ หรือบังคับให้เขาเชื่อฟัง เราไม่สนใจ

โอวาทธรรม พระอาจารย์สิริปัญโญ (Ajanh Siripannyo)

ขอขอบคุณข้อจากเพจ อมตะธรรม ประเทศไทย

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน และ ข้อความ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *